อุบายของปีศาจ – ติยากร
อลิซ …คุณรู้ไหมว่าผู้ชายอย่างเขา ขายได้ทุกอย่างแม้แต่เธอ ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของเขาเอง
แม้ว่าปลายทางของเธอคือคุกที่ใช้กักขังแต่ความทรมานไม่ใช่ที่กาย มันคือใจที่ถูกแทงจนทะลุต่างหาก
นิสัยที่แท้จริงของ ภาริช เฟนดิ?
เย็นชาหรือ ไม่ใช่ แค่เบื่อหน่ายชีวิต
สุภาพชนหรือ เปล่า เขาคือคนหยาบคายที่รู้วิธีเข้าสังคมต่างหาก
ผู้ใหญ่หรือ ไม่ใช่อีกนั่นแหละ นั่นคือเด็กที่ติดสัดยากแต่พอติดแล้วจะหยุดไม่อยู่
ส่วนเหยื่อที่เขาสนนะหรือ…
คิดว่าคงยากที่เธอจะหนีรอดเสียแล้ว ต่อให้เป็นศพ ภาริชก็ทำเรื่องอย่างว่ากับศพได้แบบไม่แยแสแน่นอน
ร่างเล็กเลยเดินตัวปลิวออกจากสนามบินไปยังทางออก
ตอนที่กำลังมองหารถแท็กซี่สักคน ไม่สิ ยังไม่ได้ออกไปไหนไกลเกินโถงของสนามบิน
กลุ่มคนที่ดึงดูดสายตาทำให้หญิงสาวเท้าถูกตรึงอยู่กับที่
ตาเบิกมองคนที่ยืนทำหน้าเย็นชาท่ามกลางลูกน้องหน้าตายหกคน
เขาคงสังเกตเห็นเธอเพราะสีตาเปลี่ยนไปเข้มขึ้นเล็กน้อย
ลงทุนเดินมาหาด้วยตนเองพร้อมกับลูกน้อง แน่นอน เธอตกเป็นเป้าสายตาไปด้วย ขอบคุณนะภาริช
“มาถึงแล้วก็ดี ไปเถอะ”
“ฮะ?”
หญิงสาวทำหน้างงเมื่อเห็นเขาถามแบบนั้น นี่หมายความว่าเขามารับเธอ รับพนักงานตัวเล็กๆ ไม่เอาน่า
“ฉันไม่นอนกับคุณหรอกนะ บอกเลย”
คำกล่าวของหญิงสาวทำให้เท้าใหญ่ชะงัก ส่วนลูกน้องเกือบสะดุดล้มหน้าทิ่มเป็นทิวแถว
“ผมไม่ได้กระสันอยากและติดสัด ผมแค่มายืนหน้าโง่ที่นี่เป็นครั้งแรก
เพื่อลิ้มรสกับการรับคนออกจากสนามบิน …ไปได้หรือยัง”
หน้าคมคายผินมามองสีหน้าของเธอ ก่อนจะเลิกคิ้ว พอยื่นมือออกมาตรงหน้าอลิชาก็สะดุ้งเฮือก รีบถอย
“ไปก็นำ ไม่ต้องจับ”
มือหนายกขึ้นสูงแล้วพยักหน้ารับ มุมปากยิ้มไร้ความหมาย
“ก็ได้”
พลิกตัวกลับไปเดินนำต่อ หญิงสาวหอบเป้ตามเขาไปขึ้นรถกันกระสุน
เบียดตัวเองอยู่มุมหนึ่งของรถแล้วรถก็เคลื่อนขบวนออกไปช้าๆ
ผ่านไปสิบนาทีก็เริ่มอยู่ไม่สุขเพราะเส้นทางที่เขาใช้มันพาเธอไปยังบ้านของเขาเอง
“จอด ฉันจะลง”
หญิงสาวร้องเสียงดัง มันทำให้คนที่หลับตานั่งสมาธิเพื่อพักผ่อนลืมตามาเหลือบมอง
“ทำไมผมต้องจอด” ถามเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์
“ก็ฉันจะลง” เธอเถียงกลับไร้อารมณ์พอกัน
“แล้วผมอนุญาตให้คุณลงแล้วเหรอ บอกตามตรงนะคุณนักขายข้อมูล
ผมไปรอรับคุณก็จริง แต่ผมไม่ได้ลากคุณขึ้นรถ
และเมื่อขึ้นมาอยู่ที่ของผมแล้วก็ต้องรอผมบอกให้ขึ้นหรือลงสิ”
หญิงสาวจ้องมองไอ้ตัวบัดซบแล้วสบถในใจหยาบคายอีกหลายคำ
เพื่อสาปส่งให้เขาตายๆ ไปซะ ไม่ก็เป็นหมันไปเลย
ท่าทางของหญิงสาวทำให้มุมปากของภาริชคล้ายจะมีรอยยิ้ม
“ผมไม่ได้พาคุณไปตายหรือทำลูก ไม่ต้องกลัว
แค่พาไปช่วยดูโครงบ้านใหม่ที่ผมให้คนมาสร้าง”
เขาว่าเป็นงานเป็นการ ราวกับว่างเหลือเกินและราวกับว่าเธอจะอยากยุ่งเรื่องนี้ด้วย
“มันไม่ใช่บ้านฉันสักหน่อย ทำไมฉันต้องไปดู”
“ก็เพราะคุณทำมันพังนะสิยิ่งต้องไปดู เผื่อจะรู้สึกเอ็นดูสงสารมันเพราะเห็นแรกๆ ต่อมาจะได้ไม่ทำมันเละอีก”
เธออ้าปากค้าง เถียงไม่ออกได้แต่ทำหน้าช็อกมองคนที่เอ่ยเสียงเย็นชา
ด้วยเรื่องปัญญาอ่อนที่สุดในโลก ภาริชส่งเสียงเหมือนหัวเราะ
เบือนหน้าไปอีกด้านแล้วหลับตาลง ทำสมาธิตามเดิม ตอนนั้นเองที่เขาเอ่ยต่อ
“อย่ากวนผมงีบ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะโมโหและติดสัดขึ้นมา รับรองจบไม่สวยแน่”
“…ไอ้คนระยำตำบอน”
“…อืม ขอบคุณ”