จองจำรัก – ข้าวสีทอง/ Kaowsethong
เครื่องยนต์ทะยานไปข้างหน้าปาดซ้ายแซงขวาอย่างน่ากลัว
แต่คนข้างกายก็ไม่ร้องหรือห้ามสักคำ พวกเขาเมินใส่กัน
กระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่และประตูรั้วเปิดออกอัตโนมัติ
ขึ้นเนินมาหยุดที่ชั้นสองก่อนคนขับกิตติมศักดิ์จะเปิดประตูและปิดลงเสียงดัง
ใบข้าว ลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านแต่ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้
“จะไปไหน”
ถามเสียงขรึมด้วยอารมณ์โกรธยังไม่จางหายยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีสลด
“กลับห้องค่ะ”
ว่าเสียงเรียบเหมือนไม่ยินดียินร้ายทั้งที่ดวงตาแดงก่ำปริ่มน้ำใกล้จะร้องไห้เต็มที
“ใครอนุญาต”
กล่าวเสียงดังจนแม่บ้านที่รอคอยคุณผู้ชายเริ่มพากันกลับที่พักของตน
ซึ่งอยู่หลังบ้านใหญ่ ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจนปล่อยให้สองหนุ่มสาว
ได้ปะทะฝีปากกันตามลำพัง
“ข้าวอนุญาตตัวเอง”
จ้องเขาตอบก่อนน้ำตาจะไหลจนต้องรีบปาดมันออก เสียใจที่ชายหนุ่ม
เห็นตนเป็นเพียงของเล่นไร้ค่าไม่มีราคา ทั้งยังโยนให้คนอื่นหน้าตาเฉย
ทำเหมือนว่าไม่แคร์กันเลยสักนิด จะไม่ให้เสียใจอย่างไรไหว
“แต่ฉันเป็นเจ้าของชีวิตเธอ อย่าลืมว่าพ่อเธอติดหนี้ฉันอยู่ยี่สิบล้าน
เอาเธอมาขัดดอกก็ยังไม่คุ้มทุนเลย”
คิดตามประสานักธุรกิจแต่คนฟังสะท้านไปทั้งอกเพราะเขาเอาหล่อน
ไปตีราคาเป็นค่าเงิน เหมือนซื้อของตามตลาด
เม้มปากแน่นทั้งยังต้องเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่รู้เวล่ำเวลา หัวใจมันบีบรัด
ไปทั่วอกจนเจ็บไปหมด ร่างกายชาเหมือนถูกน้ำแข็งสาดเข้าโครมใหญ่
ขณะที่จ้องดวงตาคมนิ่ง ผิดหวังในตัวผู้ชายคนนี้จนพูดไม่ออก
“คุณมันเลวที่สุด”
หายใจเข้าแล้วผรุสวาทใส่ชายหนุ่มหวังให้อารมณ์ที่อัดแน่นได้ผ่อนลงบ้าง
และคำพูดนั่นก็เหมือนไปกระตุ้นด้านมืดในจิตใจของร่างสูง
“พ่อเธอต่างหากที่มันเลว!”
แววตาของหล่อนที่จ้องมองกันอย่างกล่าวโทษ จนต้องโยนความผิด
ทุกอย่างไปให้บัลลพ ถ้ามันไม่ทำเรื่องไว้ในอดีตเขาก็ไม่ตามแก้แค้นแบบนี้หรอก
หากจะหาคนผิดก็ต้องเป็นพ่อของเธอ ไม่ใช่เขา!