ยอมแหกกฎฟ้ามิอาจทรยศนาง เล่ม 1 (นิยายจีน) – San wen yu
ความรักลึกซึ้งระหว่าง ภูตดอกไม้ และ จอมมาร …
เจ้าใช้เวลาสิบชาติเพื่อเฝ้ารอ
ข้าขอใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตเพื่อเคียงข้างเจ้า
นับแต่โบราณกาลแดนสวรรค์มีอยู่เก้าชั้นและเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานมิเคยเปลี่ยน
จนกระทั่งวันที่เทพธิดาถือกำเนิดขึ้นมา จึงเพิ่งตระหนักว่าเหนือกว่าสวรรค์ทั้งเก้าชั้นนั้น
ยังมีสวรรค์อีกหนึ่งชั้น ซึ่งได้รับขนานนามว่า… แดนสวรรค์ชั้นสิบ
บนแดนสวรรค์ชั้นสิบไร้ซึ่งดวงดาราใด มีเพียงเมฆสีขาวที่ลอยล่อง
และมีแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางปุยเมฆสีขาวเหล่านั้น
มีตำหนักที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและรายล้อมไปด้วยสวนดอกถาน
ขนาดเท่าตัวคนผลิดอกบานสะพรั่งอย่างงดงาม
หญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีขาวที่พลิ้วไหวไปตามสายลม
ยืนอยู่เคียงข้างดอกถานดอกหนึ่ง ความสง่างามและฐานะของนางนั้น
สูงส่งเกินกว่าจะมีผู้ใดกล้าก้าวผ่าน ภาพของดอกถานที่งดงาม
สะท้อนอยู่บนดวงตาดำขลับคู่งาม สีหน้าของนางแฝงไปด้วยความวิตกกังวล
“ลู่ยาคารวะท่านเทพธิดา”
ชายหนุ่มรูปงามหน้าตาเคร่งขรึมผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มปุยเมฆขาว
เขาคือเซียนองค์หนึ่งของแดนสวรรค์ นามลู่ยา
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี นั่งลงเถิด”
หญิงสาวชุดขาวสะบัดแขนเสื้อพลางหมุนตัวกลับ กลุ่มก้อนเมฆ
พลันรวมตัวกันเป็นเก้าอี้ลอยอยู่ด้านข้างของทั้งสองอย่างพอดิบพอดี
นางคือเทพองค์สุดท้ายที่มีสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเทพสมัยบรรพกาล
ซึ่งรอดชีวิตจากสงครามเทพมาร ฐานะสูงส่งเหนือคำบรรยาย
บนแดนสวรรค์ชั้นสิบไม่มีผู้อื่นอาศัยอยู่และสถานที่แห่งนี้
มิใช่ว่าผู้ใดก็ย่างกรายเข้ามาได้ แม้กระทั่งเง็กเซียนฮ่องเต้
ยังต้องได้รับการยินยอมจากเทพธิดาก่อน
“เรื่องที่ท่านบัญชาให้เสี่ยวเซียน ไปสืบหาร่องรอยนั้น ตอนนี้ได้เบาะแสแล้ว”
ลู่ยาเอ่ยขึ้นช้า ๆ หลังนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
แม้จะมีฐานะเป็นถึงเซียนชั้นสูงของสวรรค์ชั้นฟ้า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพธิดาองค์นี้
ลู่ยากลายเป็นเพียงเซียนตัวน้อย ๆ เท่านั้น
องค์เทพธิดามองไปที่ลู่ยา พลางส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อไป
“แม้กายหยาบจะเร้นอยู่ภายในดินแดนต้องห้ามของแดนมาร
ทว่าดวงจิตของจอมมารผู้นั้นกลับมาถือกำเนิดอีกครั้งแล้ว !
เป็นเสี่ยวเซียนไร้ความสามารถ จึงมิอาจตามหาจอมมารได้”
ลู่ยาก้มหน้าลงต่ำ
นับแต่โบราณกาล เทพ มาร และปีศาจอยู่ปะปนรวมกันจนไม่อาจแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน
และไม่ว่ากาลเวลาจะผันเปลี่ยนไปสักเท่าใด ความสามารถของทั้งสามเผ่า
ต่างสูงส่งเหนือชั้นจนมิอาจตัดสินได้ว่าผู้ใดอยู่เหนือผู้ใด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ท่านเซียนอย่าได้โทษตัวเอง
เรื่องนี้แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่อาจสืบหาได้ ท่านทำได้ดีมากแล้ว”
องค์เทพธิดากล่าวเสียงเรียบ
ลู่ยาขมวดคิ้วเหลือบมองไปยังดอกถานที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย
เมื่อองค์เทพธิดาเห็นแววตาของเขา นางเผยรอยยิ้มบางออกมา
“ในเมื่อดวงจิตของจอมมารกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว
นั่นหมายความว่าสงครามเทพมารในหมื่นปีข้างหน้าย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท่านต้องสั่งการให้คนเฝ้าดูทางเข้าบึงมรณะให้ดี อย่าปล่อยให้เหล่าปีศาจ
ย่างกรายเข้ามาในเขตสามดินแดนเด็ดขาด”
เทพธิดาหันมาทางลู่ยา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“เสี่ยวเซียนรับทราบ”
ลู่ยาคารวะตอบรับ จากนั้นเลื่อนสายตาขึ้น พลันสบสายตาองค์เทพธิดาพอดี
ลู่ยารู้สึกกระวนกระวายจึงรีบหลบสายตา จากนั้นพูดขึ้นมาว่า
“เสี่ยวเซียนมีเรื่องจะไถ่ถามเพื่อคลายข้อกังขา
ไม่ทราบว่าท่านเทพธิดาจะจัดการดอกถานดอกนี้อย่างไร”
เทพธิดาสื่อสารทางสายตากับลู่ยาว่าข้ามีวิธีจัดการของข้า
ลู่ยายังต้องการจะถามต่อ แต่องค์เทพธิดาสะบัดแขนเสื้อสั่งให้เขาออกไปจากสวรรค์ชั้นสิบ
หลังจากลู่ยาออกไปแล้ว องค์เทพธิดายกยิ้มบางเหม่อมองดอกถาน
ด้วยสายตาอ่อนโยนชั่วครู่ นิ้วเรียววาดม่านน้ำขึ้น ก่อนเด็ดดอกถาน
อันแสนบอบบางนั้นออกจากต้น และโยนเข้าไปภายในม่านน้ำ
“เผ่าเทพหมายให้เทพมารเป็นพันธมิตรต่อกันเพื่อร่วมป้องกันเผ่าปีศาจ
ที่จะมารุกรานในหมื่นปีข้างหน้า ข้ามิอาจเป็นหมากตัวนั้น
และไม่ปรารถนาการถูกบงการ เสี่ยวถานฮวา เจ้าและเขาต่างมีวาสนาต่อกัน
นี่คือโชคชะตาของพวกเจ้า”
องค์เทพธิดาเอ่ยขึ้นช้า ๆ ดวงตาจับจ้องดอกถานที่ล่องลอยอยู่บนผืนน้ำ
สงครามระหว่างเทพมารเมื่อครั้งโบราณกาลเกิดขึ้นเพราะแผนร้ายของเผ่าปีศาจ
แม้เทพและมารจะฉลาดเฉลียวลึกล้ำปานใด แต่เมื่อถูกโทสะเข้าครอบงำ
หูตาพลันมืดบอดจนมิอาจฉุกคิดว่ามีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
ผลของสงครามครั้งนั้น ทั้งเทพและมารต่างสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย
หมื่นปีข้างหน้า สงครามระหว่างเทพมารจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
เทพธิดารู้ดีว่ามิอาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระหว่างตนกับจอมมารตงหลายแห่งแดนมารได้
แต่ครั้งนี้ก่อนที่สงครามเทพมารจะเกิดขึ้น เผ่าปีศาจจะต้องสิ้นไปจากสามดินแดน !